การผ่าคลอด
ผ่าคลอด หรือที่เรียกว่า Cesarean Section (C-Section) คือการคลอดด้วยการผ่าตัดแทนการคลอดแบบธรรมชาติทางช่องคลอด ซึ่งแพทย์จะใช้วิธีเปิดปากแผลบริเวณระหว่างหน้าท้องและมดลูก บางครั้งการผ่าคลอดก็ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับแม่บางคน
ทำความเข้าใจข้อดีข้อเสียและความเสี่ยงการผ่าคลอด คำถามที่คุณแม่หลายคนสงสัยคือ ทำไมถึงต้องผ่าคลอด คลอดธรรมชาติไม่ดีตรงไหน สิ่งที่คุณแม่ต้องรู้ก็คือการผ่าคลอดเป็นทางออกสำหรับแม่ที่ไม่สามารถคลอดธรรมชาติได้ หรือมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เช่น ลูกตัวใหญ่เกินกว่าที่จะคลอดปกติ รกเกาะต่ำ อยู่ในตำแหน่งที่เสี่ยงต่อการขวางทางออกในการคลอด หรือคุณแม่ตั้งครรภ์แฝดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป สรีระของคุณแม่ไม่พร้อม กระดูกเชิงกรานเล็กเกินไป สายสะดือสั้นเกินไป และความไม่พร้อมทางด้านร่างกายหลายอย่างของสุขภาพแม่ หรือแม้แต่การคลอดในภาวะฉุกเฉินก็เช่นกัน และเมื่อแม่รู้ว่าจำเป็นต้องผ่าคลอด อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม และควรต้องเตรียมตัวตั้งแต่ผ่าคลอดก็คือ เรื่่องของภูมิต้านทาน หรือภูมิคุ้มกันของลูกที่อาจจะพัฒนาช้านั่นเอง
ข้อดี |
- เหมาะสำหรับคุณแม่ที่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์
- กำหนดเวลาคลอดที่แน่นอนได้
- สะดวก มีเวลาเตรียมตัวล่วงหน้า
- ไม่รู้สึกเจ็บขณะคลอด
- สามารถทำหมันได้เลย
|
- เหมาะสำหรับคุณแม่สุขภาพปกติ
- ฟื้นตัวหลังคลอดเร็ว
- เสียเลือดน้อยกว่า เจ็บแผลน้อยกว่า
- พร้อมให้นมลูกน้อยได้ทันที
- ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด
- ไม่มีความเสี่ยงจากการเจ็บครรภ์ในครั้งต่อไป
- ลูกได้รับจุลินทรีย์สุขภาพที่ช่วยเสริม ภูมิต้านทานตั้งต้นผ่านช่องคลอด ทำให้ภูมิต้านทานดี ไม่เจ็บป่วยง่าย
- ค่าใช้จ่ายไม่สูง
|
ข้อเสีย |
- ร่างกายฟื้นตัวช้า ไม่สามารถให้นมลูกได้ทันที
- เสียเลือดมาก เจ็บแผลนาน
- อาจมีภาวะแทรกซ้อนเมื่อเจ็บครรภ์ครั้งต่อไป เช่น แผลมดลูกปริแตก รกเกาะลึกผิดปกติ เป็นต้น
- อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด
- ลูกน้อยไม่ได้รับจุลินทรีย์สุขภาพที่ช่วยเสริมภูมิต้านทานตั้งต้นผ่านช่องคลอด อาจเสี่ยงต่อการเป็นภูมิแพ้ หรือป่วยง่าย
- ค่าใช้จ่ายสูง
|
- ใช้เวลาคลอดนาน กำหนดเวลาที่แน่นอนไม่ได้
- ไม่สามารถเตรียมตัวล่วงหน้าได้
- เจ็บปวดขณะรอคลอดนาน และเจ็บมาก
- เจ็บแผลฝีเย็บ
- อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจนต้องผ่าตัดคลอดฉุกเฉินได้
|
- เหมาะสำหรับคุณแม่ที่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์
- กำหนดเวลาคลอดที่แน่นอนได้
- สะดวก มีเวลาเตรียมตัวล่วงหน้า
- ไม่รู้สึกเจ็บขณะคลอด
- สามารถทำหมันได้เลย
- เหมาะสำหรับคุณแม่สุขภาพปกติ
- ฟื้นตัวหลังคลอดเร็ว
- เสียเลือดน้อยกว่า เจ็บแผลน้อยกว่า
- พร้อมให้นมลูกน้อยได้ทันที
- ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด
- ไม่มีความเสี่ยงจากการเจ็บครรภ์ในครั้งต่อไป
- ลูกได้รับจุลินทรีย์สุขภาพที่ช่วยเสริม ภูมิต้านทานตั้งต้นผ่านช่องคลอด ทำให้ภูมิต้านทานดี ไม่เจ็บป่วยง่าย
- ค่าใช้จ่ายไม่สูง
- ร่างกายฟื้นตัวช้า ไม่สามารถให้นมลูกได้ทันที
- เสียเลือดมาก เจ็บแผลนาน
- อาจมีภาวะแทรกซ้อนเมื่อเจ็บครรภ์ครั้งต่อไป เช่น แผลมดลูกปริแตก รกเกาะลึกผิดปกติ เป็นต้น
- อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด
- ลูกน้อยไม่ได้รับจุลินทรีย์สุขภาพที่ช่วยเสริมภูมิต้านทานตั้งต้นผ่านช่องคลอด อาจเสี่ยงต่อการเป็นภูมิแพ้ หรือป่วยง่าย
- ค่าใช้จ่ายสูง
- ใช้เวลาคลอดนาน กำหนดเวลาที่แน่นอนไม่ได้
- ไม่สามารถเตรียมตัวล่วงหน้าได้
- เจ็บปวดขณะรอคลอดนาน และเจ็บมาก
- เจ็บแผลฝีเย็บ
- อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจนต้องผ่าตัดคลอดฉุกเฉินได้
การผ่าคลอดส่งผลต่อภูมิต้านทานของลูก
จากงานวิจัยเด็ก 1.9 ล้านคน พบว่าเด็กผ่าคลอด มีความเสี่ยงต่อการมีภูมิต้านทานอ่อนแอเพิ่มขึ้นถึง 46% เสี่ยงต่อโรคหอบหืดเพิ่มขึ้้นถึง 23% และเสี่ยงต่อโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังเพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับเด็กที่คลอดธรรมชาติ แต่คุณแม่ ไม่ต้องกังวลจนเกินไปนะคะ เพราะเราสามารถเร่งคืนภูมิต้านทานให้กับเขาได้ด้วยนมแม่ ซึ่งเป็นโภชนาการที่เหมาะสมที่มีองค์ประกอบในการสร้างเสริมภูมิต้านทาน โดยเฉพาะจุลินทรีย์สุขภาพ (หรือจุลินทรีย์โพรไบโอติก) และอาหารของจุลินทรีย์สุขภาพ (ใยอาหารพรีไบโอติก) ที่ทำงานร่วมกันแบบ ซินไบโอติก ประกอบกับการเลี้ยงดูที่เหมาะสม ก็จะสามารถเร่งคืนภูมิต้านทานให้ลูกน้อยได้ อย่างดี
บทความนี้มีประโยชน์กับคุณหรือไม่?